01-wikipediapoker

แม้ว่าผู้เล่นประเภท Loose กับ Passive จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เราทำกำไรใน Multiway Pots แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากไม่รู้จักจังหวะเข้าเล่น รวมถึงการเลือกไพ่มาเล่นด้วย เพราะการจะเอาชนะคู่แข่งประเภทนี้ให้ได้ในช่วง Pre-flop เราจำเป็นต้องรู้และเข้าใจปัจจัยที่ว่านี้เสียก่อน แล้วการเดินเกมของเราถึงจะราบรื่น ซึ่งบทความนี้มีเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ในการเอาชนะบน Multiway Pots รออยู่แล้ว

สำหรับนักเล่นมือใหม่อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับการคาดเดาไพ่บนบอร์ด หากเจอสถานการณ์ที่เล่นโป๊กเกอร์อย่างไรเมื่อต้องไปจะ 6 บอร์ดนี้ วันนี้เราจะพาไปดูว่าแต่ละบอร์ดมีอะไรบ้าง

อยากทำกำไร Multiway Pots ต้องไพ่นี้เท่านั้น

ไพ่แบบไหนที่ควรเอามาเล่น Multiway Pots

ก่อนจะไปเลือกไพ่มาเล่นบน Pots แบบนี้ ต้องตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่าเกมแบบตัวต่อตัว กับเกมที่ต้องเผชิญหน้าพร้อมกันหลาย ๆ คนมันแตกต่างกันตรงไหน อย่าลืมว่าจำนวนผู้เล่นส่งผลโดยตรงต่อการเลือกไพ่ ยิ่งมีคนเล่นเยอะ โอกาสที่จะมีใครสักคนมีไพ่แข็งก็มากตามไปด้วย

ดังนั้นถ้าเราต้องการกระโดดเข้าไปใน Pot ที่เต็มไปด้วยคนเล่นเยอะ ๆ ก็ควรจะเลือกไพ่ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะติดสองคู่หรือดีกว่าก่อนถึง River แน่นอนว่าไพ่ที่พอจะตอบโจทย์นี้ได้ก็มีเพียงไพ่คู่ หรือ Suited Connected นั่นเอง

ไพ่คู่

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันคือไพ่ที่แข็งมาก ๆ ในการเล่นกับผู้เล่นหลาย ๆ คน เนื่องจากมันมีโอกาสติด set ในรอบ Flop มากถึง 11.8% ขณะที่ JTo มีโอกาสติดสองคู่หรือดีกว่าเพียงแค่ 4.8% ในรอบเดียวกัน หรือก็คือไพ่คู่เป็นไพ่ที่แข็งแกร่งมากถึง 150% เมื่อเทียบกับ Offsuit Broardway ต่าง ๆ ในช่วง Flop

Suited Connected

การจะหาไพ่ Suited Connected ก็ควรจะมีเครื่องมือดี ๆ อย่าง Flopzilla มาใช้กันไว้บ้าง เพราะโปรแกรมนี้จะช่วยเราเห็นถึงความถี่ระหว่างไพ่ QTs กับ QTo ว่าอันไหนมีโอกาสที่จะติดสองคู่หรือดีกว่าในช่วง Flop

ซึ่งผลการวิเคราะห์จาก Flopzilla จะแสดงให้เห็นว่า QTs มีโอกาสติด Flop หรือติด Draw ประมาณ 26.3% ขณะที่ QTo มีโอกาสเพียง 16.9% จะเห็นว่า Suited ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเป็นไปได้มาถึง 55% และส่งผลดีมาก ๆ เมื่อต้องเล่นในเกมที่มีหลายคน

อยากทำกำไร Multiway Pots ต้องไพ่นี้เท่านั้น

เข้าเล่น Multiway Pots ตอนไหนดี

การจะหาจังหวะเข้าเล่น Pots แบบนี้อย่าลืมว่าเรามีคู่ต่อสู้อยู่หลายคนบนโต๊ะที่พร้อมจะกินเงิน หากต้องการเล่นก็ควรจะดูสถานการณ์ด้วยว่าเป็นอย่างไร ปกติแล้วจะแบ่งออกเป็น 4 เหตุการณ์ ดังนี้

เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อเราไม่ได้อยู่ Button หรือ Blind

เมื่อใดก็ตามที่เราไม่ได้อยู่ใน 2 ตำแหน่งนี้ มีโอกาสสูงมากที่ตำแหน่ง Button, Small Blind และ Big Blind จะบีบให้เราเพิ่มเดิมพันไม่ก็หมอบกันตั้งแต่ Pre-Flop ในสถานการณ์เช่นนี้เราอาจจะใช้ 4 ปัจจัยหลักเพื่อช่วยขยับ Range ไพ่ที่จะ Call ออกไป ยิ่งมีปัจจัยเหล่านี้อยู่ในเกมมากยิ่งดี เราจะมีโอกาส Call ตามด้วยเงินที่สูงขึ้น โดยปัจจัยที่ว่าก็มี

  • มีพวก Passive เล่นต่อจากเรา เพื่อที่จะ Call ตามเมื่ออีกฝ่าย Squeeze มา
  • เมื่อมีใครสักคนที่เล่นได้อ่อนอยู่บนโต๊ะ (จะมากกว่านี้ก็ได้) และคนที่นั่ง Blind ก็ไม่ได้แข็งมาก ปัจจัยนี้จะช่วยให้ Implied Odds ของเราดีขึ้นจากทักษะที่ไม่มากพอของพวกเขา
  • Raise ให้น้อยเพื่อให้ Pot Odds ของเราดีขึ้นเมื่อต้องเจอกับ Raise น้อย ๆ เหมือนกัน
  • เมื่อเจอกับผู้เล่นที่ Rage ไพ่กว้างแล้ว Raise มา จะช่วยให้ Range ไพ่ของเรากว้างตามไปด้วย

เหตุการณ์ที่ 2 เมื่ออยู่ในตำแหน่ง Button

ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีและมีไพ่หลากหลายที่จะใช้ Call ทำกำไร แทบจะไม่มีแรงกดดันอะไรเลยหลังจากที่ Flop ออกไปแล้ว เพราะว่าเราจะได้เล่นเป็นคนสุดท้าย ทำให้มีโอกาสเก็บข้อมูลได้มากที่สุด พร้อมกับปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย อย่างเวลาเจอ Blind มืออ่อน ก็ขยับ Range ไพ่ออกไปได้ พวกนี้ไม่ค่อยจะ 3-Bet กันสักเท่าใดนัก

เหตุการณ์ที่ 3 เมื่ออยู่ในตำแหน่ง Small Blind

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการเล่น Multiway Pots ด้วยตำแหน่งนี้ นอกจากจะเป็นที่นั่งไม่ดี เต็มไปด้วยความเสียเปรียบจากการตัดสินใจเล่นเป็นคนแรกแล้ว สิ่งเดียวทำได้ก็มีแค่ Call ตามไปในสถานการณ์ที่คิดว่าส่งผลดีกับเราเท่านั้น

อยากทำกำไร Multiway Pots ต้องไพ่นี้เท่านั้น

เหตุการณ์ที่ 4 เมื่ออยู่ในตำแหน่ง Big Blind

ตำแหน่งนี้เรียกได้ว่าตรงข้ามกับ Small Blind ก็ว่าได้ เพราะเรามสามารถเล่นได้หลากหลาย หากคนที่เล่นก่อน Raise มา ก็ยังมีส่วนลดจากการลงเดิมพันที่จ่ายไว้ก่อนแล้ว 1BB การที่ได้เล่นเป็นคนสุดท้ายในรอบ Pre-Flop จะส่งผลดีอีกอย่างคือไม่มีใคร Squeeze ใส่แน่ ถึงอย่างนั้นอย่าลืมว่าความได้เปรียบของเราจะวิ่งสวนทางกับ Pot Odds ทันที การป้องกัน Blind จากผู้เล่นหลาย ๆ คนจึงทำได้ยาก ต่างจากการเล่นแบบตัวต่อตัว ดังนั้นหากมีคน Raise มาสัก 2BB ก็มีโอกาสที่จะเข้าไปเล่นได้อยู่

อย่างไรก็ตาม 2 เหตุการณ์ที่ว่ามานี้เราก็พร้อมที่จะหมอบได้โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย เพราะยังไม่ได้เอาเงินใส่ Pot ถ้าคิดว่าโอกาสชนะมีน้อยก็ไม่ต้องเข้าไปเล่น ซึ่งต่างจาก 2 เหตุการณ์หลังที่ถูกบังคับให้เล่น ถ้าหมอบก็ต้องเสียทุนอย่างน้อย 0.5 – 1 BB ดังนั้นต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะ Call หรือ Raise

ปัญหาที่มักพบบ่อยยิ่ง Cash game ด้วยแล้ว หลายคนสับสนเรื่อง แต่ละ session จะบริหารการเล่นยังไง แบ่งเวลาเล่นอย่างไร เล่นแล้วเลิกตอนไหน ต้องตั้งเป้ากำไร-ขาดทุนด้วยไหม ซึ่งวันนี้เราจะมาตอบข้อข้องใจทั้งหมด และได้นำ 5 แนวทางการเล่น Cash Game ให้ได้กำไรระยะยาว มาฝากด้วยนะ

 

Similar Posts